เส้นทางแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวรอบโรงแรมคชสีห์ธานี เชียงใหม่ รอบบริเวณคูเมือง::
Kodchasri Thani 's Location


1. วัดพระสิงห์

ใช้เวลาในการเดินทาง โดยรถ 15 นาที หรือ 20 นาทีในการเดิน
ราคาค่าโดยสาร (โดยประมาณ) รถสองแถว (รถแดง) 40.- บาท / รถตุ๊กตุ๊ก 60.- บาท
หรือ ใช้บริการเช่ารถจักรยานของโรงแรมคชสีห์ธานี ฟรี
...........................................................................................................................

วัดพระสิงห์ หรือมีชื่อเต็มว่า วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนสามล้าน ต.พระสิงห์
เป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวรู้จักคุ้นชื่อกันดี พญาผายู กษัตริย์เชียงใหม่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น
เพื่อบรรจุพระอัฐิของพญาคำฟู ซึ่งเป็นพระราชบิดา เดิมชื่อว่า วัดลีเชียงพระ

บริเวณหน้าวัดแห่งนี้เคยเป็นกาดมาก่อน ชาวบ้านเรียกว่า กาดลี วัดพระสิงห์มีสิ่งที่น่าสนใจได้แก่
หอไตร สร้างเป็นครึ่งตึกครึ่งไม้ ที่ตัวผนังตึกด้านนอกประดับด้วยทวยเทพปูนปั้นแต่งองค์
ทรงเครื่องสวยงาม เป็นฝีมือช่างสมัยพระเมืองแก้ว ต่อมาในสมัยเจ้าแก้วนวรัฐได้มีการซ่อมแซมขึ้นใหม่
ประมาณ พ.ศ. 2467 ที่ฐานหอไตรปั้นเป็นลายลูกฟักลดบัวภายในประดับด้วยรูปสัตว์หิมพานต์
และประจำยาม ที่มีลักษณะละม้ายลายสมัยราชวงศ์เหม็งของจีน

นอกจากนี้ยังมีวิหารลายคำ เป็นวิหารทรงพื้นเมืองล้านนาขนาดเล็กกระทัดรัด ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ ที่ผนังวิหารมีภาพจิตรกรรมโดยรอบ
ด้านเหนือเขียนเป็นเรื่องสังข์ทอง ด้านใต้เป็นเรื่องสุวรรณหงส์ ภาพจิตรกรรมดังกล่าวมีความน่าสนใจมากทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องสังข์ทองพบเพียงแห่งเดียวที่นี่
ลักษณะเด่นของภาพจิตรกรรมที่พบในล้านนา อาจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้สรุปไว้ว่า

" จิตรกรรมในภาคเหนือนิยมเขียนภาพชีวิตประจำวัน เป็นภาพเหมือนชีวิตจริง ถ้าเรามองดูภาพที่งดงามเรื่องสังข์ทองในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่
เราจะรู้สึกคล้ายกับว่า เราเข้าไปอยู่ในสภาพการณ์ที่เป็นจริงตามความเป็นอยู่เมื่อ 100 ปีก่อน "
.................................................................................................................................................................................................................


2.
อนุสาวรีย์สามกษัตริย์

ใช้เวลาในการเดินทาง โดยรถ 10 นาที หรือ 15 นาทีในการเดิน
ราคาค่าโดยสาร (โดยประมาณ) รถสองแถว (รถแดง) 40.- บาท / รถตุ๊กตุ๊ก 60.- บาท
หรือ ใช้บริการเช่ารถจักรยานของโรงแรมคชสีห์ธานี ฟรี

...........................................................................................................................

ตั้งอยู่ด้านหน้า หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ ใกล้กับ วัดอินทขีลสะดือเมือง เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งการระลึกถึงการสร้างเมืองเชียงใหม่ของ พญามังราย และพระสหาย
ทั้งสอง คือ พญางำเมือง เจ้าเมืองพะเยา และ พญาร่วง (พ่อขุนรามคำแหง) เจ้าเมืองสุโขทัย
เมื่อครั้งพระองค์ทรงย้ายเมืองจากเวียงกุมกาม มาสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นอันเป็นชัยภูมิที่ดีกว่า
โปรดฯ ให้สร้างที่ประทับชั่วคราวขึ้นบริเวณวัดเชียงมั่นในปัจจุบัน และได้ร่วมกับพระสหายทั้งสองสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 1839 จนแล้วเสร็จในปีเดียวกัน
ซึ่งขนานนามเมืองที่สร้างขึ้นใหม่นี้ว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่"
พระบรมราชานุสาวรีย์หล่อด้วยทองเหลืองและทองแดงรมดำ มีขนาดเท่าครึ่ง โดยมีความสูง
2.70 เมตร ออกแบบและทำการปั้นหล่อโดยอาจารย์ ไข่มุกด์ ชูโต พระบรมรูปประกอบด้วย
พญามังรายประทับกลางเป็นประธาน พญาร่วงประทับอยู่เบื้องซ้าย พญางำเมืองประทับอยู่เบื้องขวา

อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตั้งอยู่ที่ ถ.พระปกเกล้า ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
.................................................................................................................................................................................................................


3.
วัดเจดีย์หลวง

ใช้เวลาในการเดินทาง โดยรถ 5 นาที หรือ 10 นาทีในการเดิน
ราคาค่าโดยสาร (โดยประมาณ) รถสองแถว (รถแดง) 40.- บาท / รถตุ๊กตุ๊ก 60.- บาท
หรือ ใช้บริการเช่ารถจักรยานของโรงแรมคชสีห์ธานี ฟรี
...........................................................................................................................

วัดเจดีย์หลวง ถนนพระปกเกล้า วัดนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่พอดี ประดิษฐานเจดีย์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ สร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าแสนเมืองมากษัตริย์องค์ที่ ๗
แห่งราชวงศ์มังราย (พ.ศ.๑๙๑๓-๑๙๕๔) ต่อมาพระยาติโลกราชโปรดให้ช่าง ขยายเจดีย์ให้สูง
และกว้างกว่าเดิม แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๐๒๔ และอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานระหว่าง
พ.ศ.๒๐๑๑-๒๐๙๑ นานถึง ๘๐ ปี ต่อมาในสมัยพระนางจิระประภา ได้เกิดแผ่นดินไหวเมื่อ พ.ศ. ๒๐๘๘
ทำให้ยอดเจดีย์หักโค่นลง ปัจจุบันเจดีย์มีความสูงคงเหลือ ๔๐.๘ เมตร ฐานกว้างด้านละ ๖๐ เมตรวิหารหลวงของวัดนี้เจ้าคุณอุบาลีคุณปรมาจารย์ (สิริจันทะเถระ) และเจ้าแก้วนวรัฐเป็นผู้สร้างขึ้นใน
พ.ศ. ๒๔๗๑ หน้าประตูทางเข้าวิหาร มีบันไดนาคเลื้อยงดงามยิ่ง ใช้หางเกี่ยวกระหวัดขึ้นไปเป็นซุ้ม
ประต ูวิหาร นาคคู่นี้เป็นฝีมือเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่เดิมได้ชื่อว่าเป็นนาคที่สวยที่สุดของภาคเหนือ
และในวัดเจีดย์หลวงนี้ยังมี เสาอินทขิล หรือ เสาหลักเมือง สร้างขึ้นเมื่อ ครั้งพ่อขุนเม็งรายมหาราช
สร้างเมืองเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๑๘๓๙ ประดิษฐานอยู่ในวิหารจตุรมุขทรงไทยหลังเล็ก ๆ
เสาอินทขิลนี้สร้างด้วยไม้ซุงต้นใหญ่ ฝังอยู่ใต้ดิน ทุกปีในวันแรม ๑๒ ค่ำเดือน ๘ (เหนือ)
หรือประมาณเดือนพฤษภาคมจะมีงานเรียกว่า เข้าอินทขิล เป็นการฉลองหลักเมือง

วิหารหลวงของวัดนี้เจ้าคุณอุบาลีคุณปรมาจารย์ (สิริจันทะเถระ) และเจ้าแก้วนวรัฐเป็นผู้สร้างขึ้นใน
พ.ศ. ๒๔๗๑ หน้าประตูทางเข้าวิหาร มีบันไดนาคเลื้อยงดงามยิ่งใช้หางเกี่ยวกระหวัด ขึ้นไปเป็นซุ้มประตูวิหาร นาคคู่นี้เป็นฝีมือเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่เดิมได้ชื่อว่าเป็นนาคที่สวยที่สุดของ
ภาคเหนือ และในวัดเจีดย์หลวงนี้ยังมี เสาอินทขิล หรือ เสาหลักเมือง สร้างขึ้นเมื่อครั้ง พ่อขุนเม็งรายมหาราชสร้างเมืองเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๑๘๓๙ ประดิษฐานอยู่ในวิหารจตุรมุขทรงไทย
หลังเล็ก ๆ เสาอินทขิลนี้สร้างด้วยไม้ซุงต้นใหญ่ ฝังอยู่ใต้ดิน ทุกปีในวันแรม ๑๒ ค่ำเดือน ๘ (เหนือ)
หรือประมาณเดือนพฤษภาคมจะมีงานเรียกว่า เข้าอินทขิล เป็นการฉลองหลักเมือง

วัดเจดีย์หลวง หรือวัดโชติการาม หรือราชกูฏ หรือกุฏาราม สร้างในสมัยพญาแสนเมืองมา
(พ.ศ. 1928 - 1944) โอรสของพญากือนา ต่อมารวมพื้นที่กับวัดสุขมินท์วัดหอธรรมวัดสบฝาง
หรือป่าฝาง และบางส่วนของวัดพันเตาเรียกว่าวัดเจดีย์หลวง



.................................................................................................................................................................................................................


4. ข่วงประตูท่าแพ


ใช้เวลาในการเดินทาง โดยรถ 5 นาที หรือ 8-10 นาทีในการเดิน
ราคาค่าโดยสาร (โดยประมาณ) รถสองแถว (รถแดง) 40.- บาท / รถตุ๊กตุ๊ก 60.- บาท
หรือ ใช้บริการเช่ารถจักรยานของโรงแรมคชสีห์ธานี ฟรี

............................................................................................................................


ประตูท่าแพ หรือ ประตูเชียงเรือก ตั้งอยู่ที่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
เป็นประตูเมืองประตูเดียวที่ตั้งอยู่ในบริเวณเวียงเชียงใหม่

ประตูท่าแพ ซึ่งตั้งอยู่ในปัจจุบันนี้ เทศบาลนครเชียงใหม่และกรมศิลปากร ได้ร่วมกันสร้างขึ้นมาใหม่
เมื่อปี พ.ศ. 2528 โดยอาศัยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดี
ประกอบกับภาพถ่ายประตูเมืองเชียงใหม่ประตูหนึ่ง ซึ่งถ่ายเมื่อปี พ.ศ. 2422

แต่เดิม ประตูท่าแพ ที่ถูกเรียกกันในปัจจุบันนั้นมีนามว่า ประตูเชียงเรือก เพราะอยู่ใกล้หมู่บ้านเชียงเรือก
สร้างขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพญามังราย มหาราช เมื่อแรกตั้งเมืองเชียงใหม่ เมื่อปีพ.ศ. 1839

ประตูท่าแพ ที่จริงแล้วในสมัยโบราณ คำว่า "เชียง" หมายถึง เวียง หรือ เมือง ส่วนคำว่า "เรือก"
นั้นมีความหมายอีกอย่างหนึ่งว่า เรือ หรือ เฮือ ซึ่งหมายถึง พาหนะที่ใช้เดินทางไป มา ทางแม่น้ำ คู
ครอง ฝายเหมือง เป็นต้น ดังนี้ คำว่า เชียงเรือก หากพูดเป็นภาษาชาวบ้าน ก็อาจแปลออกมาได้เป็น
เชียงเรือ หรือ เวียงเรือ ซึ่งก็หมายถืง เมืองของเรือ ที่ขายของทางเรือ หรือ สถานที่มีเรือมาก ก็ว่าได้
เหตุนี้ในสมัยต่อมาจึงถูกเรียกว่า ท่าแพ ซึ่งก็มีความหมายเดิม คือ ที่จอดแพ หรือ เรือ
มีความหมายเดียวกันคือ เมืองของเรือ ที่ขายของทางเรือ หรือ สถานที่มีเรือมาก


ที่จริงประตูท่าแพนั้นมีอยู่ 2 ประตู โดยในสมัยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ ประตูท่าแพของจริงถูกเรียกวว่า ประตูท่าแพชั้นนอก และเรียกประตูเชียงเรือก
หรือประตูที่ตั้งอยู่ในสถานที่ปัจจุบันว่า ประตูท่าแพชั้นใน ภายหลังรื้อประตูท่าแพชั้นนอก เหลือประตูท่าแพชั้นในจึงเรียกกันสั้น ๆ ทุกวันนี้ว่า "ประตูท่าแพ"

องค์เทพที่รักษาประตูท่าแพ มีทั้งหมด 5 องค์ พร้อมทั้งบริวารอีก 5000 โดยมีเจ้าต๋นเก๊าชื่อว่า เจ้าพ่อแสนสะหลี เป็นเจ้าอารักษ์ประตูท่าแพ ปัจจุบันท่านมีร่างประทับทรงอยู่ที่
ต.ทุ่งต้อม อ.สันป่าตอง เชียงใหม่ โดยมีเจ้าสะหลีจ๋ำป๋า (เจ้าโอรส หรือ บุตรชายของเจ้าพ่อแสนสะหลี) ประทับทรงแทน เป็นร่างทรงผู้ชาย (ยังหนุ่มอยู่ แต่ไม่ทราบชื่อ)

แต่เดิมเมื่อจะทำพิธีบูชาเสาหลักเมืองอินทขิลจะมีการทำพิธีอันเชิญเจ้าพ่อเสาหลักเมืองอินทขิลประทับร่างทรงแล้วบอกกล่าวให้ประชาชนที่มากราบไหว้บูชา
ได้รับรู้ว่าเหตุบ้านการเมืองในปีนั้นๆ จะดี - ร้าย อย่างไร และควรจะแก้ไขอย่างไร เมื่อเสร็จพิธีแล้วจะทำพิธีอัญเชิญ 12 เจ้าอารักษ์เมืองเชียงใหม่ประทับร่างทรง เมื่อองค์ทั้ง
12 ประทับร่างแล้วจะนั้งประทับที่อันควรแห่งตน (ตามยศตำแหน่ง) โดยมีเจ้า 12 อารักษ์ประทับเรียงกันดังนี้. 1. เจ้าหลักเมืองอินทขิล 2. เจ้าหลักเมืองศรีภูมิ
3. เจ้าประตูท่าแพ 4. เจ้าประตูช้างเผือก 5. เจ้าประตูเชียงใหม่ 6. เจ้าแจ่งกะต๋ำ 7. เจ้าแจ่งกู่เฮือง 8. เจ้าประตูสวนดอก 9. เจ้าแจ่งหัวริน 10. เจ้าประตูหายยา
11. เจ้าประตูระแกง 12. เจ้าประตูแสนปุง

แต่ที่หน้าแปลกคือ เมือเจ้าประตูท่าแพ ประทับร่างทรงแล้ว เจ้าแต่ละองค์ตั้งแต่ลำดับที่ 4 - 12 จำนำอาภรณ์
และเครื่องบรรณาการมาถวายให้ใส่(คือชุดของเจ้าประตูท่าแพจะถูกแบ่งไว้) สาเหตุคือ เจ้าประตูท่าแพเป็นเจ้าครูดาบของ เจ้าอารักษ์เมืองเชียงใหม่นั้นเอง
ดังนั้นเจ้าอารักษ์เมืองลำดับที่ 4 - 12 จะต้องเก็บอาภรณ์ของท่านๆไว้บูชา เมื่อถึงเวลาอันควรจะนำผ้าเหล่านั้นมาถวายให้ท่านสวมใส่
แต่เมื่อเสร็จพิธีแล้วก็จะนำไปเก็บไว้บูชาเหมือนเดิม และถ้าหากเจ้า 12 อารักษ์เมืองเชียงใหม่ตั้งแต่ลำดับที่ 4 - 12 ประทับร่างทรงใหม่แล้วจริง ๆ
จะต้องมาขอเอาครูจากเจ้าพ่อประตูท่าแพดังเดิม ตามจารีตประเพณีแต่ก่อน
.................................................................................................................................................................................................................

5. ถนนคนเดินวันอาทิตย์ เชียงใหม่

ใช้เวลาในการเดินทาง โดยรถ 5 นาที หรือ 8-10 นาทีในการเดิน
ราคาค่าโดยสาร (โดยประมาณ) รถสองแถว (รถแดง) 40.- บาท / รถตุ๊กตุ๊ก 60.- บาท
หรือ ใช้บริการเช่ารถจักรยานของโรงแรมคชสีห์ธานี ฟรี
............................................................................................................................


ถนนคนเดินวันอาทิตย์บนถนนราชดำเนิน ตัดกับถนนพระปกเกล้าที่จัดขึ้นทุกบ่าย-ค่ำ
ยันดึกทุกวันอาทิตย์ กลายเป็นตลาดบนถนนรูปกากบาทตัดใจกลางเมืองเชียงใหม่
ที่มีคูเมืองล้อมรอบ ผู้คนคลาคล่ำ ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินสวนกันแบบไม่ต้องมีกฎจราจรการเดิน และนับเป็นถนนคนเดินนำร่องแห่งแรก
ที่รัฐบาลและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ริเริ่มจัดขึ้นที่ถนนท่าแพในปี 2545 หลังจากจัดขึ้นประมาณ 10 ครั้ง ก็ได้มอบหมายให้เทศบาลนครเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพดูแล
จากนั้นได้ย้ายมาปักหลักเปิดที่ ถนนราช ดำเนิน จนประสบความสำเร็จจนทุกวันนี้ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเชียงใหม่ และถูกบรรจุในโปรแกรมการท่องเที่ยวโลกไปแล้ว


ถนนคนเดินแห่งนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สถานที่ให้ผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของที่ระลึก แต่ยังเป็นถนนที่สร้างกิจกรรมหลากหลายให้เกิดขึ้น ทั้งนักดนตรีไทยตัวน้อยและรุ่นใหญ่ ที่นั่งเล่นดนตรีเปิดหมวกกลางถนนอย่างไม่ขัดเขิน ซุ้มนวดแผนโบราณแทรกซึมไปทุกระยะ สินค้าหัตถกรรมเรียงรายสลับกันตลอดเส้นทาง มีทั้งแบบชิ้นเดียวในโลก และทำกับมือให้เห็นกันจะจะก็มีอยู่มาก เป็นสีสันที่หาดูได้ยาก

และหากเจาะไปแต่ละร้านก็อาจจะพบกับสินค้าแปลกใหม่ ด้วยไอเดียธุรกิจใหม่ๆ และอาจจะทึ่งว่าคิดได้อย่างไรกลายเป็นสถานบ่มเพาะผู้ประกอบการใหม่ หรือ SMEs
เกิดขึ้นมากมาย บางรายประสบความสำเร็จเป็นผู้ส่งออก และรับออร์เดอร์เป็นหลักล้านบาท

จากข้อมูลของเทศบาลนครเชียงใหม่ พบว่าปัจจุบันมีจำนวนร้านค้าบนถนนราชดำเนินและจุดสี่แยกกลางเวียงถนนที่เชื่อมต่อกับ
ถนนราชดำเนิน รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 3,000 ร้านค้า มีผู้คนเดินอาทิตย์ละไม่ต่ำกว่า 50,000 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยที่มาจากต่างจังหวัดประมาณ 30% คนภายในจังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียงประมาณ 50% และนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 20% และล่าสุดจากการประเมินมูลค่าการขายทั้งหมดพบว่ามีเงินสะพัดต่อปี
มากกว่า 200 ล้านบาท
.................................................................................................................................................................................................................


6. ถนนคนเดินวันเสาร์ ถนนวัวลาย ประตูเชียงใหม่

ใช้เวลาในการเดินทาง โดยรถ 5 นาที หรือ 10 นาทีในการเดิน
ราคาค่าโดยสาร (โดยประมาณ) รถสองแถว (รถแดง) 40.- บาท / รถตุ๊กตุ๊ก 60.- บาท
หรือ ใช้บริการเช่ารถจักรยานของโรงแรมคชสีห์ธานี ฟรี

............................................................................................................................

เป็นกิจกรรม การรวมตัวซื้อขายสินค้า และอาหารทางวัฒนธรรมล้านนา
แต่เน้นหนักไปในสินค้าที่เป็นเครื่องเงินล้านนา ทุกวันจะมีการแสดงโชวร์บนเวทีเกี่ยวกับวัฒนธรรม
ล้านนาบนเสน่ห์ถนนวัวลายทั้งแถบ ยาวกว่า 3 ก.ม. ปิดถนนเฉพาะวันเสาร์เท่านั้น
ของขายเยอะแยะมากมายตั้งแต่ของใช้ยันของกิน ทั้งกินเล่น และกินจริงๆ ไครมาเชียงใหม่
ไม่ควรพลาดอีกเช่นกัน หรือคนเชียงใหม่เอง ว่างๆ ไม่รู้จะไปไหนก็แวะมาเดินเล่นได้
เปิดเวลา 16.00น.-23.00น.

ถนนคนเดินอีกสายของเชียงใหม่ที่จะมีกันในช่วงเย็นค่ำของทุกเสาร์ คือที่ถนนวัวลาย
ปากถนนสายนี้จะอยู่ตรงประตูเชียงใหม่ (ประตูเมืองด้านทิศใต้)
เป็นถนนที่แยกออกจากถนนที่วิ่งรอบคูเมืองที่อยู่ด้านนอก ที่เป็นถนนวนขวาสังเกตว่าพอถึง
ประตูเชียงใหม่ แล้วมีถนนแยกซ้ายเฉียง ๆ เข้าไป นั่นคือถนนวัวลาย

นับแต่อดีตกาลที่ผ่านมาหลายร้อยปี ชุมชนย่านถนนวัวลาย
จังหวัดเชียงใหม่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตเครื่องเงินที่สร้างชื่อเสียงให้ กับเมืองเชียงใหม่มาจนถึงปัจจุบัน
ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สร้างงาน และสร้างอาชีพให้กับชุมชนในวันนี้กำลังจะสูญหายไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเสียงตอกขันเงินที่เคยได้ยินมาตลอดนับแต่โบราณเริ่มแผ่วเบา
ลงทุกขณะ ด้วยเหตุนี้คนในชุมชนถนนวัวลายจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อรักษาเอกลักษณ์ของ
ล้านนาเอาไว้


.................................................................................................................................................................................................................
7. สวนสาธารณะบวกหาด หรือ หนองบวกหาด เชียงใหม่

ใช้เวลาในการเดินทาง โดยรถ 15 นาที หรือ 25-30 นาทีในการเดิน
ราคาค่าโดยสาร (โดยประมาณ) รถสองแถว (รถแดง) 40.- บาท / รถตุ๊กตุ๊ก 60.- บาท
หรือ ใช้บริการเช่ารถจักรยานของโรงแรมคชสีห์ธานี ฟรี

............................................................................................................................

เพลิดเพลินเดินชมสวน ดอกไม้ล้วนนานาพันธุ์

ชื่นชมทุกชนชั้น ต่างแบ่งบันวันเบิกบาน

สวนบวกหาดเป็นสวนสาธารณะของชาวเมืองเชียงใหม่ อยู่ใจกลางเมือง

นอกจากจะใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจแล้ว ที่นี่ยังเป็นเหมือนศูนย์รวมเป็นที่พบปะของคนที่ชื่นชอบ
กิจกรรมคล้าย ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างสุขภาพเพราะจะเห็นได้ว่าจะมีผู้คน มาวิ่งออกกำลังกาย หรือรำมวยจีน เต้นแอโรบิค โยคะ ทั้งในยามเช้าตรู่ และตอนเย็น หรือมาวาดรูป
ถ่ายรูป ปิกนิกกับครอบครัว ภายในสวนบวกหาดมีทั้งร้านขายอาหาร ขนมนมเนย ร้านกาแฟ
และผลไม้ตามฤดูกาล อย่างเช่น ลิ้นจี่ ลำไย ลองกอง มังคุด เงาะก็จะมีเกษตรกรชาวสวน นำมา
จำหน่าย ในราคาถูก มาก ๆ เรียกได้ว่าทั้งสดทั้งแถม


นอกจากสวนบวกหาดจะเป็นสวนสาธารณะแล้ว ที่นี้ยังเป็นแหล่งรวมสถานที่จำหน่ายพันธุ์ไม้ ทั้งไม้ดอกไม้ประดับอีกด้วย
และที่สำคัญสวนบวกหาดได้ใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญในระดับประเทศอย่างเช่น งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับที่ขึ้นชื่อของเมืองเชียงใหม่ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจึงให้ความสำคัญ ต่างก็มาชมมาเลือกซื้อพันธ์ไม้ดอก ไม้ประดับนานาชนิด มีการแสดงนิทรรศการจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ
และภาคเอกชน การจำหน่ายผลิตผลของเกษตรกร ผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้าราคาถูก มหกรรมอาหาร ด้วยเสน่ห์ที่สวนบวกหาดยังคงความงดงามของพันธุ์ไม้
และสระน้ำขนาดใหญ่ ที่มีนกพิราบมากมายมาอยู่อาศัย ทำให้สวนแห่งนี้ยังคงความเป็นธรรมชาติ เป็นสวนแห่งเดียวในเมืองเชียงใหม่ ที่ยังคงเป็นที่นิยม
.................................................................................................................................................................................................................

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่หมายเลขโทรศัพท์ : 053 281 950 ได้ตลอดเวลา